Google

Friday, August 22, 2025

พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks

 พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks


พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1
เริ่มต้นทำความเข้าใจโลกการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพ!

สำหรับนักศึกษา นักการทูต หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่กว้างขึ้น พจนานุกรมฉบับนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ

ภายในเล่ม 1 ประกอบด้วย 3 หมวดวิชาสำคัญที่ครอบคลุมประเด็นหลักของโลกการทูต ได้แก่:

ศัพท์หมวดกฎหมายระหว่างประเทศ: เข้าใจหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ

ศัพท์หมวดการควบคุมอาวุธและการลดกำลังรบ: เจาะลึกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพของโลก

ศัพท์หมวดธรรมชาติและบทบาทของการทูต: เรียนรู้แก่นแท้และหน้าที่ของการทูตในโลกยุคใหม่

อย่ารอช้า! ดาวน์โหลดทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเรียนรู้และทำงานของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!
Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwMyI7fQ
====================
อย่าปล่อยให้โลกแซงหน้า! พจนานุกรมเล่มนี้จะทำให้คุณเท่าทันโลกการเมืองระหว่างประเทศ!
คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมมหาอำนาจถึงตัดสินใจแบบนั้น? ทำไมนโยบายของแต่ละประเทศถึงส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา? คำตอบทั้งหมดอยู่ใน "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 2"

พจนานุกรมฉบับนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หมวดวิชาสำคัญที่ทุกคนต้องรู้!

ศัพท์หมวดชาตินิยม จักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคม: ทำความเข้าใจรากเหง้าของความขัดแย้งและอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศ: เรียนรู้ศัพท์สำคัญที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และเข้าใจการตัดสินใจของรัฐบาลทั่วโลก

ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกา: เจาะลึกนโยบายของประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เพื่อที่คุณจะเข้าใจทิศทางของโลกในอนาคต

ใครที่อยากรู้เท่าทันโลกการเมืองต้องมีเล่มนี้! ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักวิเคราะห์ หรือแค่คนที่อยากเข้าใจข่าวสาร พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าหากันได้อย่างชัดเจน

กดซื้อเลย! แล้วคุณจะมองโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!

Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MTEwNSI7fQ
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 3
พจนานุกรมเล่ม 3 ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกได้ลึกขึ้น!

สำหรับผู้ที่ทำงานด้านการต่างประเทศ นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ ภายในเล่มประกอบด้วย 3 หมวดสำคัญ ที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าวและเข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที:

ศัพท์หมวดภูมิศาสตร์และประชากร: เข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับพื้นที่และผู้คน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้อย่างรอบด้าน

ศัพท์หมวดสงครามและนโยบายทางการทหาร: เจาะลึกคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทความขัดแย้งและนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ

ศัพท์หมวดองค์การระหว่างประเทศ: เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับองค์กรระดับโลก เพื่อเข้าใจบทบาทและอิทธิพลขององค์กรเหล่านั้นในเวทีโลก

ดาวน์โหลดตอนนี้! เพื่อเพิ่มความเข้าใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMxOCI7fQ
=======================

โลกกำลังเปลี่ยนไป! คุณพร้อมหรือยัง?
นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างแท้จริง!

เล่มนี้คือบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้คุณเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของโลกใบนี้! "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 4 (เล่มจบ)"

ในเล่มสุดท้ายนี้ คุณจะได้พบกับ 2 หมวดวิชาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน:

ศัพท์หมวดอุดมการณ์และการสื่อสาร: เข้าใจถึงพลังที่ขับเคลื่อนสังคมและการเมืองโลก และกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้

ศัพท์หมวดเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ: ไขความลับของระบบเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน และผลกระทบที่ส่งตรงถึงชีวิตประจำวันของเราทุกคน

อย่าปล่อยให้ความเข้าใจของคุณขาดหายไป! เล่มนี้จะช่วยเติมเต็มทุกช่องว่างที่เหลืออยู่ และทำให้คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านอย่างแท้จริง

ซื้อเลย! เพื่อปิดท้ายคอลเลกชันความรู้ของคุณให้สมบูรณ์แบบ!

Link: https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzI2MjM5MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI3MzMyMCI7fQ
====================

ข้อแนะนำเกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ

  ข้อแนะนำเกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ

คำนำ
ข้อแนะนำนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางและเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่เตรียมตัวสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นนักการทูตปฏิบัติการ กระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากภารกิจของนักการทูตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศของชาติ และเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถรอบด้านทั้งในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย และภาษาต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ข้อแนะนำที่รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้จึงครอบคลุมทุกส่วนของการสอบ ทั้งในด้านความรู้ทั่วไป ความรู้เฉพาะด้านการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทักษะด้านภาษาต่างประเทศ ผู้จัดทำได้ศึกษาแนวทางการออกข้อสอบในปีก่อนๆ อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาจะสามารถช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและคุ้นเคยกับรูปแบบคำถามที่อาจต้องเจอในการสอบจริง
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อแนะนำ "เกี่ยวกับการสอบเป็น นักการทูต กระทรวงการต่างประเทศ" ชุดนี้นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้อ่านทุกท่าน และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ความฝันในการเป็นนักการทูตของคุณเป็นจริงได้ในที่สุด
===============
หมวดที่ 1: ความรู้ด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
หัวข้อด้านล่างนี้เป็นหัวข้อที่มักจะถูกใช้ในการออกข้อสอบเพื่อวัดความรู้ทั่วไปด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
-การเมืองและการปกครองของไทย
ประวัติศาสตร์การเมือง: เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475, การรัฐประหารที่สำคัญ และรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ
-โครงสร้างการปกครอง: ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, อำนาจทั้ง 3 (นิติบัญญัติ, บริหาร, ตุลาการ) และบทบาทขององค์กรอิสระ
-นโยบายรัฐบาล: นโยบายสำคัญในปัจจุบัน เช่น นโยบายเศรษฐกิจ, สังคม และการต่างประเทศ
-การเมืองและการปกครองของต่างประเทศ
ระบบการเมืองหลักของโลก: ระบบประชาธิปไตย, สังคมนิยม, คอมมิวนิสต์ และเผด็จการ (ตัวอย่าง: สหรัฐอเมริกา, จีน, รัสเซีย)
-เหตุการณ์สำคัญของโลก: สงครามในยูเครน, ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ
-องค์การระหว่างประเทศ: บทบาทและหน้าที่ขององค์กรสำคัญ เช่น สหประชาชาติ (UN), สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN), และสหภาพยุโรป (EU)
-เศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ
นโยบายเศรษฐกิจของไทย: แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นโยบายการเงินและการคลังของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง, และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
-เศรษฐกิจโลก: ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ภาวะเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, ราคาน้ำมัน, และสงครามการค้า
-กลุ่มเศรษฐกิจสำคัญ: ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และความตกลงการค้าเสรี (FTA)
-ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์: ทฤษฎีสำคัญที่นักการทูตควรรู้ เช่น เศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค และหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
=====================
หมวดที่ 2: ความรู้ด้านสังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยี
-ความรู้ด้านสังคมและวัฒนธรรม
สังคมไทย: ลักษณะเฉพาะของสังคมไทย เช่น ระบบอุปถัมภ์, ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และศาสนา รวมถึงความท้าทายทางสังคมที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น ความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
-วัฒนธรรมโลก: ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy)
-สิทธิมนุษยชน: หลักการสากลและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ รวมถึงบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
-ความรู้ด้านเทคโนโลยี
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: แนวโน้มและผลกระทบของเทคโนโลยีที่พลิกโฉมโลก เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีควอนตัม, และเทคโนโลยีชีวภาพ
-ภัยคุกคามทางไซเบอร์: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์และแนวทางรับมือภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและเศรษฐกิจ
-นวัตกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน: บทบาทของเทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ส่วนที่ 2: ความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ (Foreign Language)
หมวดที่ 1: ภาษาอังกฤษ
ความรู้ด้านภาษาอังกฤษ
ไวยากรณ์ (Grammar)
Tenses: ความเข้าใจและการใช้ Present, Past และ Future Tenses
Parts of Speech: การใช้คำนาม (Nouns), คำสรรพนาม (Pronouns), คำกริยา (Verbs), คำคุณศัพท์ (Adjectives) และคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) อย่างถูกต้อง
โครงสร้างประโยค (Sentence Structure): ประโยคที่ซับซ้อน (Complex Sentences), ประโยคความรวม (Compound Sentences) และการใช้เครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation)
Conditional Sentences: การใช้ประโยค If-Clause ในรูปแบบต่างๆ
Active and Passive Voice: ความสามารถในการเปลี่ยนประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice และในทางกลับกัน
คำศัพท์ (Vocabulary)
คำศัพท์ทั่วไป: คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในการสื่อสารทั่วไป
คำศัพท์เฉพาะทาง: คำศัพท์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมาย และการทูต
Idioms and Phrasal Verbs: สำนวนและวลีที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่เป็นทางการ
การอ่าน (Reading Comprehension)
การจับใจความหลัก: ความสามารถในการอ่านบทความ สรุปประเด็นสำคัญ และเข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียน
การวิเคราะห์บทความ: การทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน เช่น บทความจากวารสารวิชาการ รายงานข่าว หรือเอกสารทางการทูต
การอ่านเร็ว: การสแกน (Scanning) และการอ่านแบบกวาดสายตา (Skimming) เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
การเขียน (Writing)
การเขียนเรียงความ: การเขียนเรียงความเชิงวิเคราะห์และเชิงโต้แย้งที่มีโครงสร้างชัดเจน
การสรุปความ: การย่อความจากข้อความยาวๆ ให้สั้นกระชับแต่ได้ใจความครบถ้วน
การเขียนจดหมาย: การเขียนจดหมายทางการ (Formal Letters) และการเขียนอีเมลในบริบทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
หมวดที่ 2: ภาษาที่สาม (ถ้ามี)
ในหมวดนี้จะครอบคลุมภาษาที่สาม ซึ่งมักจะเน้นภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ เช่น จีน, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, สเปน, เยอรมัน, หรือรัสเซีย
ภาษาที่สาม
ความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ (Grammar and Vocabulary)
ไวยากรณ์พื้นฐาน: ความเข้าใจโครงสร้างประโยคเบื้องต้น การผันคำกริยา และการใช้คำบุพบท
คำศัพท์ทั่วไป: คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย, การแนะนำตัว, และการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
คำศัพท์เฉพาะทาง: คำศัพท์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการทูตที่ใช้ในภาษานั้น ๆ
ทักษะการอ่าน (Reading Skills)
การอ่านเพื่อจับใจความ: ความสามารถในการอ่านบทความสั้น ๆ เช่น ข่าว, จดหมาย หรือรายงาน เพื่อสรุปใจความสำคัญได้
การทำความเข้าใจบริบท: การตีความความหมายจากบริบทของประโยคหรือย่อหน้า
การสอบภาษาที่สามมักจะมุ่งเน้นความสามารถในการสื่อสารในระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับกลาง เพื่อประเมินความพร้อมในการเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต
=====================
หมวดที่ 3: ความรู้เฉพาะตำแหน่ง (Specialized Knowledge)
หมวดที่ 1: การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
-การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หลักการและหน้าที่ทางการทูต
ความหมายของการทูต: ทำความเข้าใจว่าการทูตคืออะไร, บทบาทของนักการทูต, และทำไมการทูตจึงมีความสำคัญต่อรัฐ
-เครื่องมือทางการทูต: การเจรจา, การทำสนธิสัญญา, การประชุม, และการใช้การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy)
-การทูตหลายฝ่าย (Multilateral Diplomacy): บทบาทของนักการทูตในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) และอาเซียน (ASEAN)
-ประวัติศาสตร์การทูตไทย
ยุคเริ่มต้น: ความสัมพันธ์ของสยามกับชาติตะวันตกในอดีต (เช่น สนธิสัญญาเบาว์ริง)
-ยุคสงครามโลก: บทบาทของไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
-ยุคปัจจุบัน: พัฒนาการของนโยบายการต่างประเทศของไทยตั้งแต่หลังสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน
-บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ
โครงสร้างและภารกิจ: โครงสร้างของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูต
-บทบาทสำคัญ: การคุ้มครองผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ, การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติ, และการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในเวทีโลก
-สนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญ
กฎหมายระหว่างประเทศ: หลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศที่นักการทูตควรรู้ เช่น สิทธิอธิปไตยของรัฐ, การไม่แทรกแซงกิจการภายใน, และสนธิสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา
-สนธิสัญญาสำคัญ: ความรู้เกี่ยวกับสนธิสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (WTO), การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) และความมั่นคง (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons)
แนวคิดใหม่: ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นร่วมสมัยในกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ, การก่อการร้าย, และความมั่นคงทางทะเล
=====================
หมวดที่ 2: สถานการณ์โลกและนโยบายต่างประเทศของไทย
สถานการณ์โลกและนโยบายต่างประเทศของไทย
นโยบายการต่างประเทศของไทย
-หลักการพื้นฐาน: ความเป็นกลาง, การรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ, การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ
-นโยบายในภูมิภาค: บทบาทของไทยในอาเซียน, ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และแนวทางการรับมือประเด็นความมั่นคงชายแดน
-นโยบายต่อมหาอำนาจ: การรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา, จีน และมหาอำนาจอื่น ๆ
-สถานการณ์โลกในปัจจุบัน
ความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ: สาเหตุและผลกระทบของสงครามในยูเครน, สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง, และประเด็นความมั่นคงในทะเลจีนใต้
-ประเด็นข้ามชาติ: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การก่อการร้าย, อาชญากรรมข้ามชาติ, การอพยพย้ายถิ่นฐาน และการแพร่ระบาดของโรค
-การแข่งขันทางเศรษฐกิจและการค้า: สงครามการค้า, การกีดกันทางการค้า และบทบาทขององค์กรเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น WTO และ APEC
-การทูตในยุคดิจิทัล
การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy): การใช้สื่อสังคมออนไลน์และเครื่องมือดิจิทัลในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
-ภัยคุกคามทางไซเบอร์: การทูตด้านความมั่นคงไซเบอร์และแนวทางการทำงานร่วมกับนานาชาติเพื่อรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่
=====================
สำหรับหนังสือที่จะเป็นนักการทูต ควรมีและควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง ดูข้างล่างนี้ครับ
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1-4 #ebooks
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 1
เริ่มต้นทำความเข้าใจโลกการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพ!
สำหรับนักศึกษา นักการทูต หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่กว้างขึ้น พจนานุกรมฉบับนี้คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ
ภายในเล่ม 1 ประกอบด้วย 3 หมวดวิชาสำคัญที่ครอบคลุมประเด็นหลักของโลกการทูต ได้แก่:
ศัพท์หมวดกฎหมายระหว่างประเทศ: เข้าใจหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างๆ
ศัพท์หมวดการควบคุมอาวุธและการลดกำลังรบ: เจาะลึกคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพของโลก
ศัพท์หมวดธรรมชาติและบทบาทของการทูต: เรียนรู้แก่นแท้และหน้าที่ของการทูตในโลกยุคใหม่
อย่ารอช้า! ดาวน์โหลดทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเรียนรู้และทำงานของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!
====================
อย่าปล่อยให้โลกแซงหน้า! พจนานุกรมเล่มนี้จะทำให้คุณเท่าทันโลกการเมืองระหว่างประเทศ!
คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมมหาอำนาจถึงตัดสินใจแบบนั้น? ทำไมนโยบายของแต่ละประเทศถึงส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา? คำตอบทั้งหมดอยู่ใน "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 2"
พจนานุกรมฉบับนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 3 หมวดวิชาสำคัญที่ทุกคนต้องรู้!
ศัพท์หมวดชาตินิยม จักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคม: ทำความเข้าใจรากเหง้าของความขัดแย้งและอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศ: เรียนรู้ศัพท์สำคัญที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และเข้าใจการตัดสินใจของรัฐบาลทั่วโลก
ศัพท์หมวดนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกา: เจาะลึกนโยบายของประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เพื่อที่คุณจะเข้าใจทิศทางของโลกในอนาคต
ใครที่อยากรู้เท่าทันโลกการเมืองต้องมีเล่มนี้! ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักวิเคราะห์ หรือแค่คนที่อยากเข้าใจข่าวสาร พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าหากันได้อย่างชัดเจน
กดซื้อเลย! แล้วคุณจะมองโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!
=====================
พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 3
พจนานุกรมเล่ม 3 ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกได้ลึกขึ้น!
สำหรับผู้ที่ทำงานด้านการต่างประเทศ นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พจนานุกรมเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงคำศัพท์เฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ ภายในเล่มประกอบด้วย 3 หมวดสำคัญ ที่จะทำให้คุณไม่ตกข่าวและเข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที:
ศัพท์หมวดภูมิศาสตร์และประชากร: เข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับพื้นที่และผู้คน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โลกได้อย่างรอบด้าน
ศัพท์หมวดสงครามและนโยบายทางการทหาร: เจาะลึกคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทความขัดแย้งและนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ
ศัพท์หมวดองค์การระหว่างประเทศ: เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับองค์กรระดับโลก เพื่อเข้าใจบทบาทและอิทธิพลขององค์กรเหล่านั้นในเวทีโลก
ดาวน์โหลดตอนนี้! เพื่อเพิ่มความเข้าใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
=======================
โลกกำลังเปลี่ยนไป! คุณพร้อมหรือยัง?
นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างแท้จริง!
เล่มนี้คือบทสรุปที่สมบูรณ์แบบที่จะทำให้คุณเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของโลกใบนี้! "พจนานุกรม ศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อังกฤษ-ไทย) เล่ม 4 (เล่มจบ)"
ในเล่มสุดท้ายนี้ คุณจะได้พบกับ 2 หมวดวิชาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคปัจจุบัน:
ศัพท์หมวดอุดมการณ์และการสื่อสาร: เข้าใจถึงพลังที่ขับเคลื่อนสังคมและการเมืองโลก และกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้
ศัพท์หมวดเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ: ไขความลับของระบบเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน และผลกระทบที่ส่งตรงถึงชีวิตประจำวันของเราทุกคน
อย่าปล่อยให้ความเข้าใจของคุณขาดหายไป! เล่มนี้จะช่วยเติมเต็มทุกช่องว่างที่เหลืออยู่ และทำให้คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบด้านอย่างแท้จริง
ซื้อเลย! เพื่อปิดท้ายคอลเลกชันความรู้ของคุณให้สมบูรณ์แบบ!

Thursday, September 24, 2009

Diplomacy

การทูต

แนวปฏิบัติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐโดยผ่านทางผู้แทนที่เป็นทางการ การทูตนี้อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับกระบวนการของความสัมพันธ์ต่างประเทศทุกอย่างทั้งที่เป็นส่วนของการกำหนดนโยบายและส่วนของการดำเนินนโยบาย ในแง่ที่มีความหมายกว้าง ๆ นี้ การทูตและนโยบายต่างประเทศเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในแง่ที่มีความหมายแคบเข้ามาหรือในแง่ที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมหรือตามประเพณีนั้น การทูตนี้จะเป็นเรื่องของวิธีการและกลไกต่าง ๆ ที่จะให้นโยบายต่างประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายได้ ในแง่ที่มีความหมายแคบลงมาหน่อยนี้ การทูตจึงหมายถึงเทคนิคทางปฏิบัติการที่รัฐใดรัฐหนึ่งนำมาใช้เพื่อขยายผลประโยชน์ออกไปนอกเขตแดนหรือนอกเขตอำนาจศาลของตน เมื่อรัฐต่าง ๆ ต้องมีการเกี่ยวโยงและพึ่งพาอาศัยกันมากขึ้น จึงทำให้การประชุมระหว่างชาติ การประชุมในแบบพหุภาคี และการทูตแบบประชุมรัฐสภามีปริมาณเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างไรก็ดี เนื่องจากรัฐต่าง ๆ มีการติดต่อสัมพันธ์กันบ่อยครั้งขึ้น และเรื่องที่ติดต่อกันนั้นก็มีหลายเรื่องด้วยกัน จึงทำให้กิจกรรมทางการทูตกลายเป็นเรื่องที่ทำกันในระดับทวิภาคีไป และกิจกรรมทางการทูตเหล่านี้ ก็ได้กระทำกันโดยผ่านทางช่องทางการทูตปกติ กล่าวคือ ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ และผ่านทางผู้แทนทางการทูตที่ส่งไปประจำอยู่ตามประเทศต่าง ๆ แต่หากเป็นเรื่องที่วิกฤตมาก ๆ บางทีก็จะใช้วิธีเจรจาในระดับสูงสุด คือ ให้ประมุขรัฐบาลเข้าประชุมในการทูตระดับสุดยอด

ความสำคัญ การทูตที่นำมาใช้กันมีรูปแบบดังนี้ คือ การทูตแบบเปิดเผยหรือการทูตแบบลับ การทูตแบบทวิภาคีหรือการทูตแบบพหุภาคี การทูตแบบระดับรัฐมนตรีหรือการทูตแบบระดับประมุขรัฐบาล ซึ่งแต่ละอย่างจะมีการใช้แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ในแต่ละสถานการณ์ ในแต่ละสภาวะแวดล้อมทางการเมือง และในแต่ละผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง การทูตทุกรูปแบบมีส่วนเกื้อกูลต่อระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้เป็นไปด้วยความราบรื่น และเป็นเทคนิควิธีทางการเมืองที่สามัญที่สุดสำหรับใช้แก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติ แม้ว่าจะได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาสนับสนุนอย่างไร แต่ก็ยังถือว่าการทูตนี้เป็นศิลป์มากกว่าที่จะเป็นศาสตร์ และถือว่าการติดต่อระหว่างบุคคลเป็นปัจจัยสำคัญในความสัมพันธ์แห่งรัฐทั้งหลาย

Diplomacy, Conference

การทูตแบบจัดการประชุม

การเจรจาทางการทูตแบบพหุภาคีเต็มรูปแบบ ที่ดำเนินการในที่ประชุมระหว่างประเทศ การทูตแบบจัดการประชุมนี้ ในทางประวัติศาสตร์ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสถาปนาสันติภาพหลังสงครามครั้งสำคัญ ๆ โดยย้อนประวัติศาสตร์กลับไปเมื่อตอนเริ่มต้นมีระบบรัฐแบบตะวันตกขึ้นมาแล้ว ก็ได้มีการใช้การทูตแบบนี้ ในการประชุมใหญ่ที่เมืองเวสต์ฟาเลีย ( ระหว่างปี ค.ศ. 1642 - 1648) ซึ่งส่งผลให้สงคราม 30 ปียุติลงได้ การทูตแบบจัดการประชุมมีการนำมาใช้บ่อยครั้งยิ่งขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้จัดรูปแบบเป็นสถาบันและเป็นระบบใช้ได้ในระดับโลก เมื่อได้มีการจัดตั้งสันนิบาตชาติขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1919 ต่อมาเมื่อสหประชาชาติได้เข้าสืบทอดหน้าที่แทนสันนิบาตชาติแล้วนั้น ก็ได้ทำหน้าที่เป็นที่ประชุมทางการทูตในระดับโลกอยู่เป็นประจำ ส่วนเรื่องที่นำมาประชุมกันก็คือ ปัญหาระดับระหว่างประเทศในด้านการเมือง กฎหมาย สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคนิค ส่วนการทูตแบบจัดการประชุมที่จัดขึ้นเป็นประจำ โดยมีการจำกัดในเรื่องหัวข้อและจำกัดตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ก็เช่นกัน อย่างเช่น การประชุมที่จัดขึ้น โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่จัดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หรือที่จัดโดยองค์การเอกภาพแอฟริกา (โอเอยู) ในทำนองเดียวกัน การทูตแบบจัดการประชุมเฉพาะกิจ ก็ได้มีการนำไปใช้โดยกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในที่ประชุมเมืองบันดุง (ประเทศอินโดนีเซีย) ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1955 เมื่อวิทยาการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ก็ได้มีการจัดประชุมหลากหลายทั้งที่เป็นแบบเฉพาะกิจ และที่เป็นการจัดในระดับสถาบัน และก็มีหลายครั้งที่จัดขึ้น โดยองค์การชำนัญพิเศษแห่งประชาชาติ ลักษณะที่เป็นทางการและที่เป็นแบบกึ่งรัฐสภาของการทูตแบบจัดการประชุมนี้ จะใช้สำหรับกรณีเลือกประธาน กรณีที่จะมีการยอมรับวิธีดำเนินการแบบมาตรฐาน กรณีจะจัดตั้งโครงสร้างของกรรมการที่จะมาทำงาน และกรณีที่จะเลือกระบบมาใช้ในการตัดสินใจ

ความสำคัญ การทูตแบบจัดการประชุมนี้ เป็นการทูตแบบเปิด ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับการทูตแบบ “ลับ” คือ เป็นแบบที่ประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เคยบอกไว้ว่า “ข้อตกลงแบบเปิดเผย ที่มีการลงนามกันอย่างเปิดเผย” ลักษณะพหุภาคีของการทูตแบบจัดการประชุมนี้ จะอำนวยประโยชน์ให้แต่ละฝ่ายสามารถร้องทุกข์ของฝ่ายตนได้ ให้สามารถรู้ถึงปัญหา สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกัน และสามารถทำงานด้วยกันเพื่อห1าทางแก้ปัญหาร่วมกันได้ การทูตแบบจัดการประชุมนี้ ในฐานะที่เป็นกลไกสำหรับใช้ดำเนินการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อนำมาใช้แล้วก็มิได้มีหลักประกันว่าจะทำให้สามารถทำการตกลงกันได้เสมอไป ในบันทึกของทั้งสันนิบาตชาติและสหประชาชาติ มีเรื่องที่ “ตกลงกันไม่ได้แบบเปิดเผย ที่มีการลงนามกันอย่างเปิดเผย” นี้เต็มไปหมด อย่างไรก็ดี เทคนิควิธีของการทูตแบบจัดการประชุมนี้ อาจจะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการแก้ปัญหา เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่สามารถประนีประนอมกันได้ ก็จะใช้วิธีนี้ประชุมกันเพื่อถกแถลงและต่อรองกัน

Diplomacy : Conversations

การทูต : การพูดจาหยั่งเชิง

การแลกเปลี่ยนทรรศนะทางการทูตระหว่างสองรัฐบาล การพูดจาหยั่งเชิงกันนี้อาจจะดำเนินการเพื่อหาข่าวสารอย่างเดียว หรืออาจจะนำไปสู่การเจรจาลงลึกในรายละเอียดมากยิ่งขึ้นด้วยก็ได้ การพูดจาหยั่งเชิงเป็นกิจกรรมทางการทูตในระดับปกติ ที่ดำเนินการโดยเอกอัครราชทูต หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตก็ได้ แต่ก็อาจจะมีการพูดจาหยั่งเชิงกันแบบนี้ โดยใช้ผู้แทนทางการทูตที่ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นกรณีพิเศษก็ได้

ความสำคัญ การพูดจาหยั่งเชิงกันนี้ เป็นการพูดจากรุยทางกันเอาไว้ก่อน โดยที่จะยังไม่มีการตกลงเป็นการผูกมัดใด ๆ เมื่อได้มีการติดต่อพบปะพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องระหว่างสองฝ่ายแล้ว ก็จะช่วยให้นักการทูตสามารถตัดสินใจได้ว่า เมื่อใดควรจะได้ริเริ่มนโยบายเรื่องนั้นเรื่องนี้ การพูดจาหยั่งเชิงนี้ ซึ่งบางทีเรียกว่า “การทูตเงียบ” จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับทวิภาคีและในระดับพหุภาคี ในสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในเมืองหลวงของชาติต่าง ๆ และในการประชุมระดับนานาชาติ ก่อนจะมีการตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญ ๆ ในทุกครั้งก็จะมีการพูดจาหยั่งเชิงไม่เป็นทางการเช่นนี้ เป็นการเริ่มต้นของกระบวนการพัฒนาสมานฉันท์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเสียก่อน

Diplomacy : Fait Accompli

การทูต : เรื่องที่ยุติแล้ว

กระทำของรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ใหม่ต่อรัฐ หรือกลุ่มรัฐอื่น หลังจากเกิด “เรื่องที่ยุติแล้ว” นี้ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่จะมีทางเลือกลดลง เป็นทำอะไรไม่ได้อีก หรือไม่ก็ทำการตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงแล้วนั้น

ความสำคัญ ในทางการทูตนั้น “เรื่องที่ยุติแล้ว” นี้เป็นการกระทำฝ่ายเดียว เป็นการโต้แย้งต่อการเจรจา และมักเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชะงักงันทางการทูต หรือบางทีก็อาจจะเป็นการริเริ่มอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะนำไปสู่ความได้เปรียบแก่ฝ่ายตน และเป็นการกระทำที่หวังผลไว้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะยอมรับการริเริ่มหรือนโยบายนี้ ตัวอย่างเช่น กรณีที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เริ่มสร้างกำลังทหารให้แก่อาณาจักรไรน์แลนด์(ปี ค.ศ 1936) เป็นการละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ส่วนอีกตัวอย่างหนึ่ง ก็คือ กรณีที่มีการสร้างกำแพงกรุงเบอร์ลินขึ้นมา ก็ทำให้ฝ่ายพันธมิตรตะวันตกต้องยอมรับว่าเป็น “เรื่องที่ยุติแล้ว” อีกเหมือนกัน การตัดสินใจที่จะกระทำตามแบบอย่างที่ว่ามานี้ เป็นเรื่องเสี่ยงมากเหมือนกัน เนื่องจากว่าอีกฝ่ายหนึ่งยังมีอิสระที่จะแสดงปฏิกิริยาออกมาในฝ่ายของตนได้อยู่

Diplomacy : Hegemony

การทูต : การครองความเป็นใหญ่

การที่รัฐใดรัฐหนึ่งแผ่อิทธิพลเข้าครอบงำหรือเข้าควบคุมเหนือรัฐอื่นหรือภูมิภาคอื่น นโยบายการครองความเป็นใหญ่นี้ อาจจะส่งผลให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างลูกพี่ลูกน้อง หรือสัมพันธภาพระหว่างรัฐที่เป็นเครือข่ายกัน และก็อาจส่งผลให้เกิดการสร้างเขตอิทธิพลขึ้นมาได้ด้วย

ความสำคัญ ความแตกต่างทางด้านอำนาจ หากมีมาก ๆ แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดสัมพันธภาพแบบการครองความเป็นใหญ่ขึ้นมาระหว่างรัฐที่เชื่อกันว่ามีเอกราชและมีความเท่าเทียมกันได้ การที่รัฐหนึ่งมีอำนาจเหลือล้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีขึ้นมาด้วยเจตนาดีแค่ไหน ก็จะถือว่ามีศักยภาพที่จะคุกคามต่ออีกรัฐหนึ่งได้ ดังนั้น การที่รัฐมีเอกราชจะยอมทนอยู่กับการมีสัมพันธภาพแบบที่ว่านี้อยู่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดโดยที่จะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงเห็นจะไม่มีแน่ ดังจะเห็นได้จากประเทศที่อยู่ในเครือข่ายของสหภาพโซเวียตในทวีปยุโรปตะวันออกในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศ อย่างเช่น โรมาเนีย และโปแลนด์ เป็นต้น ได้พยายามดิ้นรนเพื่อมีเอกราชพ้นจากการครอบงำของสหภาพโซเวียตมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ.1968 เมื่อเชโกสโลวะเกียพยายามสร้างระบบเสรีให้แก่ระบบคอมมิวนิสต์ของตนอยู่นั้น ก็ได้ถูกกองกำลังของกลุ่มประเทศในกติกาสัญญาวอร์ซอ โดยการชี้นำของสหภาพโซเวียตบุกเข้ามาทำการปราบปราม และก็เคยได้มีความพยายามในทำนองเดียวกันที่จะสถาปนาการครองความเป็นใหญ่ หรือคงการครองความเป็นใหญ่นี้ต่อไปเมื่อปี ค.ศ. 1979 คือ ตอนที่จีนโจมตีเวียดนาม และสหภาพโซเวียตบุกเข้าไปในอัฟกานิสถาน ส่วนเมื่อปี ค.ศ. 1983 สหรัฐอเมริกาเองก็ได้บุกเกรนาดาอีกเช่นกัน